Date ( 16/03/2008 )
 GERMAN TOUR
 Date ( 03/04/2008 )
 GERMAN TOUR 2
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
TITLE : German tour
16/03/2008
เสลอทัวร์เยอรมัน   หนุ่มๆวงเสลอ
 

มาต่อกันหลังจากคราวที่แล้วเลยนะครับ
    
     พวกเรามาถึง club drutschbar (แปลตรงตัวว่า มิตรภาพ) แล้วก็เริ่มการ sound check กัน ธรรมชาติของคลับที่นี่คือ ไม่มีเครื่องดนตรีไว้ให้เล่นไม่มีแม้แต่ชุดกลอง จะมีให้ก็แต่ลำโพงประจำร้าน กับ Monitor เท่านั้น เพราะงั้นพวกเราจึงต้องยกเครื่องดนตรีทุกอย่างทั้งแอมป์กีตาร์ เบส และก็กลองทั้งชุดไปด้วยทุกที่ พร้อมกับ set มันบนเวทีเอง  ขั้นตอนนี้กินเวลาค่อนข้างนาน และเหนื่อย คนที่ช่วยเราก็มีแต่เจ้าของค่ายผู้แข็งแรงทั้งสองท่านเท่านั้น ระหว่างที่เราตั้งของบนเวที Sound Engineer ประจำร้านก็จะมาเริ่มตั้งไมค์ทีละตัวๆ เพราะเนื่องจาก อุปกรณ์ทุกอย่างต้องถูกตั้งขึ้นใหม่หมด เมื่อเสร็จจากการตั้งของ การซาวน์เช็คก็กำลังจะเริ่ม…………………… ……………………แต่มันยังเริ่มไม่ได้หรอกครับ เพราะว่ามือผมแข็งไปหมดแล้ว ผมต้องขอให้ เถ้าแก่ร้านเปิด Heater ให้เนื่องจากว่าคลับนี้ไม่ใช่สถานที่ๆติดกับตัวตึก มันจึงไม่มี Heater แบบที่ใช้ความร้อนจากน้ำยาแล้วส่งไปทั่วตึก (อันที่เป็นหลอดๆสีขาวๆติดอยู่กับกำแพง แบบที่เห็นในหนังน่ะแหละ) แต่เนื่องจากมีความเป็นตัวของตัวเองมาก Club Drutschbar จึงมี ฮีทเตอร์แบบแก๊ส ก็คือเปิดแก๊สแล้วใช้ลมเป่าให้ไฟมันพุ่งๆออกมา วิธีนี้อุ่นเร็วดีแท้ แต่ข้อเสีย อย่างที่สุดของมันก็คือใช้ได้แป๊บเดียวจนกว่าแก๊สจะหมด เมื่อแก๊สหมดก็ต้องหาซื้อถังใหม่

            พออุ่นได้ที่แล้วผมก็เริ่มจับกีตาร์เป็นครั้งแรกในประเทศเยอรมันพวกเราก็เริ่ม การซาวน์เช็คกันเหมือนทุกทีที่เราเคยทำกัน แล้วเราก็ต้องประหลาดใจกับเสียงที่ได้ยิน เพราะอุปกรณ์ก็เพิ่งจะตั้งกันใหม่ สภาพสถานที่ก็เป็นห้องสี่เหลี่ยมไม่มี sound proof อะไรทั้งสิ้น เสียงสะท้อนต้องมากแน่นอน แต่เสียงที่ได้ออกมากลับต่างกับเสียงที่เคยได้ยิน

    ตอนที่เล่นในคลับเมืองไทยโดยสิ้นเชิง เวลาพวกเราอยากได้เสียงอะไรมากขึ้นหรือน้อยลง สิ่งที่ต้องทำมีแค่บอกซาวน์เอ็นจิเนียร์ เค้าจัดให้ทุกอย่าง จะด้วยฝีมือหรือความคุ้นเคยกับ ห้องที่เขาจัดก็ตาม เสียงที่ออกมาจึงดีมาก มันเป็นข้อเปรียบเทียบที่ชัดมากของมาตรฐานเรื่องเสียง ของเมืองไทยกับยุโรป

    จบการซาวน์เช็คพวกเราก็ออกไปหาอะไรทานกันอีกแล้ว ร้านอาหารที่นี่ไม่มีร้านถูกๆ แบบร้านข้างทางของเมืองไทย  คนจะกินข้าวข้างนอกต้องออกไปกินในภัตตาคาร แล้วเราก็พบกับ สภาพเดิมซึ่งก็คือ อ่านเมนูไม่ออกเลยสั่งมั่ว  แต่คราวนี้ผมโชคร้ายอยากกินเสต็คเนื้อ แต่ที่ได้กลับเป็นเนื้อสับทอดรสชาติไม่ได้เรื่อง แต่ก็ต้องทนกินไปเพราะเดี๋ยวตอนกลางคืน ร้านอาหารก็จะปิดหมด

หลังจากเสร็จมื้อค่ำ เราก็เดินตามถนนเปล่าเปลี่ยวกลับไปยังคลับ ถนนหนทางที่ เยอรมันตอนกลางคืนนี่แทบจะไม่มีคนเลย อาจจะเป็นเพราะอากาศที่หนาวมากทำให้คนใช้ชีวิต อยู่หน้าจอทีวีกับละครหลังข่าวในห้องอุ่นๆ ถึงตอนนี้พวกเราเริ่มจะกังวลว่าคืนนี้คนจะเดินทางมาดู พวกเราผ่านถนนหนาวเย็นนี้ด้วยหรือ  แต่พอพวกเราเดินไปถึงคลับก็พบคนจำนวนหนึ่ง มายืนรออยู่ข้างนอกตั้งแต่คลับยังไม่เปิด พาหนะหลักของพวกเขาคือจักรยาน  พอเราเดินผ่านพวกเขา เขาก็ดูเหมือนจะรู้ว่าเด็ก 5 คนนี้เป็นวงจากประเทศไทยที่จะมาเล่นคืนนี้ ทำให้พวกเราใจชื้นขึ้นมา ได้นิดหน่อย  พวกเราดิ่งไปยังห้องหลังเวทีเพื่องีบหลับ เพราะตอนนั้นเป็นเวลาตีสี่ของเมืองไทยแล้ว Mr. Stefan ซึ่งรับหน้าที่ดีเจของคืนนั้น ก็ไปประจำอยู่หลังบู๊ทเพื่อเปิดเพลงอินดี้ร็อคเปรี้ยวๆ ให้คนข้างได้ในเต้นตามกัน และแล้วก็ถึงเวลาที่ slur จะต้องขึ้นเล่น พอผมแหวกม่านออกไป ก็ต้องพบกับความตื่นเต้นสุดขีดเพราะ คนเยอรมันหัวทองยืนกันเต็มความจุ ถึงมันจะไม่ใช่

    คลับใหญ่อะไรมากมายแต่โชว์แรกของเราในต่างแดนเราก็ได้พบกับสภาพแวดล้อมที่ยอดเยี่ยม อย่างนี้แล้ว พอเซ็ทเครื่องเสร็จ เสียงดนตรีจากดีเจก็จบลง บู้ มือเบส และ โฆษกของวงก็กล่าวทักทายผู้ชมด้วยภาษาอังกฤษกระท่อนกระแท่นว่า “Hello, We’re Slur from Bangkok Thailand, Hope you’re enjoy our music” แล้ว เซ็ทลิสต์  10 เพลงรวดก็ถูกเล่น เสียงร้อง เสียงปรบมือด้วยความชอบใจของคนดูดังทุกครั้งที่เพลงจบ และเมื่อจบ 10 เพลงแล้ว พวกเราก็มุ่งไปยังห้องหลังเวทีทันทีเพื่อที่จะพักผ่อนเพราะตอนนั้นเป็นเวลา 6 โมงเช้าประเทศไทยแล้ว แต่พวกเราไม่ได้หยุดแค่นั้น คนดูยังตะโกนเรียกพวกเราให้ออกไปเล่นอีกเหมือนกับ จะเอาให้คุ้มค่าบัตร สุดท้ายแล้วคืนนั้นพวกเราออกไปเล่นเพิ่มอีก 3 เพลง เมื่อเล่นเสร็จ พวกเราไม่มีแรงเหลือให้ปาร์ตี้อีกต่อไป  พวกเรามุ่งกลับห้องพักโดยทันที เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมและเหนื่อยหนักจริงๆสำหรับโชว์แรกในเมืองเบียร์